วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551
Poster ENERGY
นานมาครั้งครับ
คราวนี้เป็นรูปแบบของ Poster ครับ เอามาให้ดู 2 แบบ ถ้าเพื่อนๆเข้ามาดูก็ Comment หน่อยนะ
แล้วก็ขอให้เพื่อนๆมาเรียนในวันอังคารนี้ครบๆหน่อยนะครับ ทีมงานจะได้เก็บข้อมูลของงานแต่ละคน
แบบว่าครบถ้วนซะทีนะ แล้วอยากอยากได้ที่ บริเวณไหนในสตู โปรดแจ้ง ป้องด้วยครับ
วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
Ecological Footprint
การคำนวณจำนวนประชากรจากมุมมองของการใช้ทรัพยากรหรือการสร้างรอยเท้าทางนิเวศ จะนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าแม้ประเทศกำลังพัฒนาซึ่งมีจำนวนประชากรมากกว่าและอัตราการเพิ่มประชากรสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว แต่ยังคงมีจำนวนรอยเท้าน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งนี้เพราะประชากรของประเทศกำลังพัฒนามีวิถีชีวิตที่ง่ายกว่าจึงสร้างรอยเท้าน้อยกว่า
วิธีการเช่นนี้เป็นวิธีการเพื่อรักษาสมดุลของทรัพยากร ทางธรรมชาติเพื่อ หรือชะลอการหมดไปอย่างรวดเร็วของทรัพยากรบนโลก
Ecological Footprint
กระบวนการของมันประกอบไปด้วย การเชื่อมโยงระหว่างการค้า การส่งออกเพื่อกระจายทรัพยากรไปสู่ประเทศที่พัตนาเป็นหลัก ไม่ได้หมายความว่าทรัพยากรจากประเทศที่ กำลังพัฒนา จะไม่ได้ทรัพยากรจากประเทศที่ด้อยพัฒนา คือมีเข้ามาแต่ไม่มากเท่า
ประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศที่พัฒนาแล้วจะเป็น แกนสำคัญ ในกระบวนการนี้ Ecological Footprintหรือ การสร้างรอยเท้า
อัตราการเพิ่มของประชากร : ลดลงของทรัพยากร
กระทั่งถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก็เพิ่มเป็น 600 ล้านคนและภายในเวลาเพียง 130 ปี
ก็เพิ่มขึ้น 3 เท่า เป็น 2,000 ล้านคน และหลังจากนั้นอีกเพียง 70 ปี ก็เพิ่มขึ้นเป็น 6,000
ล้านคน การเพิ่มของประชากร จึงคล้ายระเบิดแตก มิใช่แบบทวีคูณ
นอกจากนี้ เรายังมีความเข้าใจผิด ในเรื่องเกี่ยวกับอัตราการเพิ่มของประชากร คือ
1.การเพิ่มเป็นไปอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ
2.การเกิดเหตุการณ์พิเศษ เช่น สงครามโลกหรือโรคระบาดจะทำให้จำนวนประชากรลดลง
3.การเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากสุขภาพที่ดีขึ้น
การคาดการณ์จำนวนประชากรโลกในอนาคตไว้ 3 ระดับ คือ
1.ระดับต่ำ ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.35 พันล้านคนในปี 2606 และจะค่อยๆ
ลดลงเหลือ 8 พันล้านคนในศตวรรษต่อไป
2.ระดับกลาง ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านคนในปี 2602
และจะขึ้นถึงจุดสูงสุดที่ 10.48 พันล้าน ในปี 2625 และค่อยๆ ลดลงเหลือ 10.3
พันล้านเมื่อสิ้นคริสต์ ศตวรรษที่ 22
3.ระดับสูง ประชากรโลก จะเพิ่มขึ้นเกิน 1 หมื่นล้านคน ในปี 2600 และเพิ่มขึ้นถึง 1.2
หมื่นล้านคน ในปี 2638 โดยประชากรส่วนใหญ่ของโลกถึงกว่า 3 ใน 4 อาศัยอยู่ในเพียง
2 ทวีป คือ เอเชียและแอฟริกา ระหว่างปี 2545-2593 นั้นจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น 1
ใน 3 จะอยู่ในแอฟริกาและครึ่งหนึ่งจะอยู่ในเอเชีย แต่ละปีจำนวนประชากรของเอเชียแ
ละแอฟริกาเพิ่มขึ้น 49 และ 20 ล้านคนตามลำดับ ส่วนจำนวนประชากรชาวยุโรปลดลง
ปีละ 0.7 ล้านคน
จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
เพื่อผลิตสิ่งต่างๆ สำหรับสนองความต้องการ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอาจยังผลให้เกิด
ภาวะขาดแคลน เช่น ในด้านของทรัพยากรดิน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสำหรับผลิตอาหารและ
การเพาะปลูกพืชอื่นๆ แม้ว่าโลกจะมีพื้นที่มากมาย แต่ก็อาจไม่เพียงพอเพราะปัจจัยหลาย
อย่าง โดยทั่วไปความเพียงพอของพื้นที่เพาะปลูกขึ้นอยู่กับ
1.ส่วนประกอบของอาหาร ที่รับประทาน
2.ความสามารถในการผลิตของดิน
3.ปริมาณน้ำที่สามารถหาได้ และ
4.การใช้สารเคมีในการเพาะปลูก
โลกมีทรัพยากรดินสำหรับการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และเป็นผืนป่าเท่ากับ ร้อยละ 68
ของพื้นที่ทั้งหมดบนผืนโลก
อย่างไรก็ดีมนุษย์เราไม่สามารถที่จะ นำพื้นที่ทั้งหมดบนโลกมาใช้ได้ ในปัจจุบันโลกจึงมี
พื้นที่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูประชากรได้เพียง 3 พันล้านคนเท่านั้น หากทุกคนใช้ทรัพยกร
เช่นเดียวกับประชากรในประเทศอุตสาหกรรมในปัจจุบัน จำนวนประชากรอาจเพิ่มขึ้น
เป็น 7.5 พันล้านคนได้ หากทุกคนใช้ทรัพยากรในระดับของประเทศที่มีประชากรบริโภค
อาหารง่ายๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจำพวกมังสวิรัติ แต่อาจเพิ่ม เป็น 2 หมื่นล้านคนได้หากทุก
คนใช้ทรัพยากรเพียงจำกัด หรือเท่าๆ กับประชากรของโลกที่ยากจนในขณะนี้
ประเทศที่เริ่มมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกเพื่อเลี้ยงประชากร ต่อคนในขณะนี้ คือ
อิสราเอล บังกลาเทศ สาธารณรัฐคองโก สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ จอร์แดน อียิปต์
เกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ โอมาน บรูไน คูเวต และสิงคโปร์
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
การใช้ชีวิต
เราจะทำอย่างไรที่เราจะเป็นอยู่และใช้จ่ายได้เหมือนแต่ก่อน "แม๋ มันช่างยากเย็นจริงๆ
ทุกวันของเราจับจ่ายใช้สอยอย่างปกติ แต่ในเมื่อของใช้ต่างๆ เริ่ม มีการปรับราคาสูงขึ้น
เราจะทำอย่างในในการ เก็บเงิน เพื่อใช้ในยามจำเป็น น่าจะมีอะไรบางอย่างที่ช่วยกระตุ้น
ในการเก็บเพื่อใช้จ่ายให้มากขึ้น หรือช่วยในการ แบ่งสัดส่น ของเงินไปใช้จ่ายในวันต่อๆไป
โดยไม่ต้องกังวล กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในวันข้างหน้า ว่าเราจะเหลือใช้หรือเปล่า
แนวคิด
1.เริ่มจาการ ตัดบางส่วนของการใช้ในวันนี้ออกไปโดยไม่จำเป็น หรือใช้ให้น้อยลง
2.นำส่วนที่เหลือใช้ไปใช้ได้ในอาทิตหน้า ในวันเดียวกัน โดยใช้แบบสัดส่วนเดิม
3.ทำเหมือนข้อ 1 กับข้อ 2
นี่เป็นแนวคิดแรก ในการออกแบบของสิ่งนั้น
ในการตัดของบางส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปใช้นั้นเหมือนกับว่าการงดใช้พลังงานออกไปด้วย
"ผมคิดว่าถ้าเราแบ่งสัดส่วนในวันที่ใช้จ่ายออกไป เราก็สามารถมีใช้ได้ ในเวลาที่เราคับขัน"
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551
อัตราการเพิ่ม : ลดลงของทรัพยากร
ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 16 จำนวนประชากรโลกมีเพียงแค่ร้อยล้านคนและเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ กระทั่งถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก็เพิ่มเป็น 600 ล้านคน และภายในเวลาเพียง 130 ปี ก็เพิ่มขึ้น 3 เท่า เป็น 2,000 ล้านคน และหลังจากนั้นอีกเพียง 70 ปี ก็เพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ล้านคน การเพิ่มของประชากร จึงคล้ายระเบิดแตก มิใช่แบบทวีคูณ
นอกจากนี้ เรายังมีความเข้าใจผิด ในเรื่องเกี่ยวกับอัตราการเพิ่มของประชากร คือ
1.การเพิ่มเป็นไปอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ
2.การเกิดเหตุการณ์พิเศษ เช่น สงครามโลกหรือโรคระบาดจะทำให้จำนวนประชากรลดลง
3.การเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ความจริงก็คือ
การคาดการณ์จำนวนประชากรโลกในอนาคตไว้ 3 ระดับ คือ
1.ระดับต่ำ ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.35 พันล้านคนในปี 2606 และจะค่อยๆ ลดลงเหลือ 8 พันล้านคนในศตวรรษต่อไป
2.ระดับกลาง ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านคนในปี 2602 และจะขึ้นถึงจุดสูงสุดที่ 10.48 พันล้าน ในปี 2625 และค่อยๆ ลดลงเหลือ 10.3 พันล้านเมื่อสิ้นคริสต์ ศตวรรษที่ 22
3.ระดับสูง ประชากรโลก จะเพิ่มขึ้นเกิน 1 หมื่นล้านคน ในปี 2600 และเพิ่มขึ้นถึง 1.2 หมื่นล้านคน ในปี 2638 โดยประชากรส่วนใหญ่ของโลกถึงกว่า 3 ใน 4 อาศัยอยู่ในเพียง 2 ทวีป คือ เอเชียและแอฟริกา ระหว่างปี 2545-2593 นั้นจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น 1 ใน 3 จะอยู่ในแอฟริกาและครึ่งหนึ่งจะอยู่ในเอเชีย แต่ละปีจำนวนประชากรของเอเชียและแอฟริกาเพิ่มขึ้น 49 และ 20 ล้านคนตามลำดับ ส่วนจำนวนประชากรชาวยุโรปลดลงปีละ 0.7 ล้านคน
ลดลงของทรัพยากร
จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นเป็นเงา ตามตัวเพื่อผลิตสิ่งต่างๆ สำหรับสนองความต้องการ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอาจยังผลให้เกิดภาวะขาดแคลน เช่น ในด้านของทรัพยากรดิน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสำหรับผลิตอาหารและการเพาะปลูกพืชอื่นๆ แม้ว่าโลกจะมีพื้นที่มากมาย แต่ก็อาจไม่เพียงพอเพราะปัจจัยหลายอย่าง โดยทั่วไปความเพียงพอของพื้นที่เพาะปลูกขึ้นอยู่กับ
1.ส่วนประกอบของอาหาร ที่รับประทาน
2.ความสามารถในการผลิตของดิน
3.ปริมาณน้ำที่สามารถหาได้
4.การใช้สารเคมีในการเพาะปลูก โลกมีทรัพยากรดินสำหรับการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และเป็นผืนป่าเท่ากับ หรือร้อยละ 68 ของพื้นที่ทั้งหมดบนผืนโลก
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551
คาดอีก 4 ปีพลเมืองโลก 7,000 ล้านคน
วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551
การงดใช้พลังงาน
ความหนาของบรรยากาศเหลือเพียงน้อยนิด
จากการพัฒนาที่เกินความพอเพียง นั่นเป็นเพราะการที่เราใช้พลังงานมากเกินไป ทำให้มีการปล่อย กีาซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศบางๆ จึงเกิดสภาวะเรือนกระจก
โดยความร้อนที่เกิดจากดวงอาทิตย์ถูกกักเก็บไว้มากขึ้นส่งผลให้สภาพดินฟ้าอากาศของโลก
เปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไป
เพื่อช่วยเหลือส่วนรวมในสังคม แต่อุปสรรคอยู่ที่ว่าเราต้องต่อสู้เอาชนะกับความเคยชินของเราเท่านั้นเอง
เรื่องเหล่านี้จึงเกี่ยวเนื่องเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจ คือ ปฏิทิน การที่จะทำปฏิทินย้อนหลังนั้นมัน
ยาก “ผมจึงเลือก ทำบางอย่างที่เหมาะสม แต่ยังเกี่ยวกับเรื่องของปฏิทิน โดยเลือกที่จะทำ
Diary ที่ปลูกจิตสำนึก
เอาเป็นว่าองค์ประกอบของปฏิทินองประกอบของมันก็มีให้เห็น คาตาอยู่แล้ว
ว่ากำหนดวันต่างๆ ในรอบ1เดือนก็จะเห็นได้ว่าปฏิทิน มีการบ่งบอกวันพิเศษวันหยุดเสาร์อาทิตย์ บอกวันหยุดราชการ แล้วถ้าอันไหนที่ดูเป็น Inter หน่อยก็บอกถึงวันที่ หรือวันที่พิเศษของต่างปรัเทศด้วย
องค์ประกอบของ Diary ก็จะมี
ปฏิทิน ในเดือนนั้น ข้างขึ้นข้างแรมเวลาในแต่ละวันเพื่อจดบันทึกใน Diary
บ่งบอกปี
เริ่มตั้งแต่เวลา 7.00___8.00___ 9.00___10.00___11.00___12.00............ไปจนถึงเวลา18.00น.
สรุป ทั้ง 2 อย่างที่องค์ประกอบที่เหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือ Diary เพราะว่าจะเพิ่มเวลา ตารางในการจดบันทึกในแต่ละวันเข้าไปนั่นเอง
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551
calendar
ลองมาดูประโยชน์ของมันว่ามีอะไรบ้างครับ
-แน่นอนครับไว้ดูวันเดือนปี
-หาวันพิเศษสำหรับใครบางคน
-บอกวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดราชการ หรือ เสาร์/อาทิตย์
-บอกวันและเดือนของปีนั้นๆ
-สามารถกำหนดวันนัดหมายล่วงหน้าได้
เห็นแล้วมันช่างมีประโยชน์มากมายขนาดไหนครับ และยังมีรูปแบบของปฎิทินที่หลากหลายสามารถพกติดตัวได้ในรูปแบบการ์ดก็มี
แต่ลองมองในมุมมืดของมันดูบ้างครับ
เมื่อหมดปีต่อปีมันจะหมดอายุการใช้งานทันที ไม่สารถนำมันมาติดตัวข้ามปีได้เพราะเราจะต้องมองหาปฏิทินของปีใหม่นี้โดยธรรมชาติ มันจะแปลสภาพเป็นขยะทันที และยังมีปฏิทินที่มีลักษณะต่างกันไป ยกตัวอย่าง ปฏิทินของจีนที่การใช้สอยออกแบบมาให้มีลักษณะใช้งานโดยการฉีกเมื่อวันต่อวัน สิ้นเปลืองกระดาษมาก ลองนึกย้อนหลังไป 10 ปี ครับ ว่าขยะจากปฏิทินจะมากขนาดไหนแล้วจะเป็นยังไงในอีก 10 ปีข้างหน้า
สุดท้ายครับ
จริงๆแล้วเรื่องของปฏิทินมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆเลยครับ แต่เราไม่เคยหันกลับมามองมันเลยว่า จริงแล้วก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน
โครงการครั้งนี้ผม ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ก็จะทำอะไรที่เป็นประโยชน์แน่นอนครับ
วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
หนังสือแนะนำ
โลกอัจฉริยะ นลิน พรประทาน และคณะ สำนักพิมพ์เวิร์คพอยท์ พิมพ์ครั้งที่ 2 จำนวน 400 หน้า ราคา 1,200 บาท
โลกอัจฉริยะ นำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของอัจฉริยะบุคคลที่มีช่ือเสียงทั่วโลก ในแบบที่กระชับ เข้าใจง่าย แบ่งออกเป็น 3 ยุค คือ ยุคก่อนคริสต์ศักราช ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 1-18 ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19- ปัจจุบัน พร้อมด้วยภาคผนวกเรื่องอัจฉริยะนักคิด นักประดิษฐ์ของแต่ละยุค
การนำเสนอเรื่องราวอัจฉริยบุคคลในเล่มคัดสรรมาจากหลากหลายสาขาวิชาที่น่าสนใจ ทั้งนักประดิษฐ์ นักดนตรี นักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียง เรื่องราวส่วนใหญ่เป็นบทเรียนและแรงจูงใจให้เยาวชนได้ต่อสู้กับอุปสรรค ปัญหานานาประการ ก่อนที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่จุดหมาย ไม่มีใครเกิดมาเป็นอัจฉริยะโดยกำเนิด มีแต่การฝึกฝนและการค้นหาตัวเองอย่างไม่ย่อท้อเท่านั้น ที่ทำให้พวกเขาหรือเธอเหล่านั้นมีช่ือเสียงขึ้นมาได้
หนังสือ “โลกอัจฉริยะ” รูปแบบใหม่ จัดพิมพ์อย่างประณีต ด้วยการเย็บเล่มปกแข็ง ระหว่างเรื่องราวของแต่ละคน สอดแทรกด้วยคำคมของเหล่าอัจฉริยะทั้งภาษาอังกฤษและคำแปลภาษาไทย เป็นระยะ ๆ โดยเริ่มต้นเนื้อหาด้วยการเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วต่อด้วยเรื่องราวของอัจฉริยะบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลก 107 คน
วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
เสพ
Company of Heroes
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551
การให้ความสำคัญ
วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551
Macro and Micro
Macro คือ จุดใหญ่
ถ้าจะลงลึกถึงความหมายก็คือ การบังคับ Unit ในขณะที่ Unit มีจำนวนมาก เป็นกลุ่มใหญ่ๆ บังคับและควบคุมแบบไม่ต้องละเอียดมากนัก มีหน้าที่คุมส่วนที่ใหญ่จิงๆ
Micro คือ จุดเล็ก
มันหมายถึง การบังคับหรือควบคุม Unit ในขณะที่ Unit มีจำนวนไม่มากนัก เป็นกลุ่มเล็กๆ บังคับควบคุมแบบละเอียด ทีละตัว
พล.ต.อ. POLICE GENERAL ( POL.GEN.)
พล.ต.ท. POLICE LTEUTENANT GENERAL (POL.LT.GEN.)
พล.ต.ต. POLICE MAJOR GENERAL (POL.MAJ.GEN.)
พ.ต.ท. POLICE LIEUT ENANT COLONEL. (POL.LT.COL.)
พ.ต.ต. POLICE MAJOR (POL.MJ.)
ร.ต.ท. POLICE LIEUTENANT (POL.LT.)
ร.ต.ต. POLICE SUB-TEUTENANT (POL.SUB.LT.)
ส.ต.อ. POLICE SERGEANT (POL.SGT.)
ส.ต.ท. POLICE LANCE COPORAL (POL.L/C)
ส.ต.ต. POLICE CONSTABLE (POL.CONST.)
วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551
การ "Random"
"สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป" ผมหมายถึง อะไรก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราทำ "การสุ่ม" อยู่ คือ "สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป" ทั้งหมด และที่เห็นได้ชัดๆคือ "เวลา" เพราะมันไม่เคยหยุดนิ่ง(แม้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างคงที่)
วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2551
การทดลองกับ BINGO
"ผมทดลองเกี่ยวกับบิงโกครับ"
ทดลองมาได้ซักระยะนึงก็จะสังเกตุจากการที่เล่น
-เลขทุกตัวตั้งแต่ 1-75 มีเปอร์เซ็นในการออกที่เท่ากัน
-ในบางใบของ "BINGO" แต่เลขตัวนั้นก็จะไม่ค่อยออก
แต่บางใบไม่มีทีท่าว่าจะออก แต่สุดท้ายในรอบนั้น "BINGO" (เป็นบ่อยในแต่ละรอบ แต่ก็ไม่เป็นทุกรอบที่เล่น) จึงน่าจะเป็นไปได้ว่า น่าจะอยู่ที่จังหวะของเวลาด้วย
-ในกระดาษ"BINGO"ในแต่ละใบ และในการเล่นแต่ระรอบที่เล่นไป เบี้ยเปล่าจะถูกนำไปวางกับหมายเลขที่ออกในแต่ละใบ
-เมื่อเล่นจบเกมส์ในแต่ละรอบ จะเกิดช่องว่างที่ตัดกับตัวเบี้ยทำให้เกิดพื้นที่บางอย่าง
เมื่อจบรอบที่ได้เล่นแต่ละครั้ง จะเกิดช่องว่างที่ตัดกับตัวเบี้ย ไม่เหมือนกันเลยทุกครั้ง
(เหมือนตัวอย่าง ในบางชุดที่ทำการทดลองเอามาให้ดูครับ)
-มีจุดศูนย์กลางเป็นเบี้ยฟรี1ตัว
ผมสรุปได้จากการที่เล่น BINGO ว่า
1.เป็นเกมส์ที่ใช้พื้นที่ โดยมีกฏใหญ่ที่คอยคุมคือการ Random ตัวเลข
2.เวลาจะเป็นตัวช่วยของ Random
3.มีจุดศูนย์กลาง เป็นเบี้ยฟรี 1 ตัว คอยเชื่อมในเกมส์
4.เบี้ยจะกระจายไม่เต็มในในบิงโกของผู้เล่น ทำให้เกิดช่องว่างตัดกับตัวเบี้ย
วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551
Bingo
ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง จะต้องเป็น "ผู้ขานเบี้ย" ซึ่งจะเขย่าและประกาศ เมื่อเบี้ยในกล่อง (75 อัน)
ออกมาทีละอัน เช่นเบี้ยที่เขย่าออกมาเป็น 15 ผู้เล่นคนใดที่มีหลายเลขนี้ ในบัตร "BINGO" ของตน
จะหยิบเบี้ยเปล่าวางไว้ในช่องนั้น
จากนั้นก็จะเล่นต่อไปจนกว่าจะมีผู้เล่นคนใดคนหนึ่งวางในบัตรบิง "BINGO" ของตนเหมือนกับตัวอย่าง 6
ตัวอย่างนี้ อันใดอันหนึ่ง ผู้เล่นผู้นั้นจะประกาศว่า "BINGO" การเล่นในเกมส์นั้นจะจบลง
จากนั้นก็จะมีการนับคะแนน ตามที่ปรากฏในแถวนั้น โดยที่ "ผู้ประกาศเบี้ย" จะทำการตรวจสอบกับเบี้ยที่ ประกาศมาแล้ว ว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกันผู้นั้นก็เป็นผู้ชนะ
FREE หมายถึง ช่องที่ผู่เล่นทุกคนมีสิทวางเบี้ยได้ทันทีที่เริ่มการแข่งขัน
ในกรณีที่ผู้เล่น ประกาศว่า บิงโก พร้อมกัน 2 คน "ผู้ประกาศเบี้ย" จะทำการตรวจเบี้ยและนับคะแนนมากที่สุด
จะเป็นผู้ชนะเลิศ